เมื่อวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2553 เอกอัครราชทูตเปี่ยมศักดิ์ มิลินทจินดา พร้อมด้วยภริยา และข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ได้เดินทางเยือนนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ตามคำเชิญของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น เพื่อเข้าร่วมงาน The 6th Luojia International Autumn Festival ซึ่งมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการจีนและรัฐบาลมณฑลหูเป่ยจัดเป็นประจำทุกปี เพื่อให้นักศึกษาต่างชาติได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน แลกเปลี่ยนและประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของแต่ละชาติ
ภายในงาน นักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น และในมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่อยู่ในนครอู่ฮั่นได้มาร่วมกันออกร้านจำนวน 2 คูหา โดยมีการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก อาหารไทย และการเล่นเกมส์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังนำภาพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยมาประดับภายในซุ้มอย่างสวยงาม ได้รับความนิยมจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก
ภายหลังการเข้าร่วมพิธีเปิดงานเทศกาลในวันที่ 20 พฤศจิกายนแล้ว เอกอัครราชทูตฯ ได้เดินไปเยี่ยมชมซุ้มต่างๆ และทักทายให้กำลังใจกับซุ้มของนักศึกษาไทย จากนั้น เอกอัครราชทูตฯ ได้พบหารือกับศาสตราจารย์กู้ ไห่เหลียง อธิการบดีมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น โดยได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันทั้งในประเด็นความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างไทย-จีน การก่อสร้างศูนย์วิจัยสิรินธรด้าน remote sensing ในอู่ฮั่น การเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นและสถาบันการศึกษาของไทย และอื่นๆ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังได้ใช้โอกาสดังกล่าวเล่าให้คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศไทย และย้ำว่า สถานการณ์ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว ซึ่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นได้กล่าวชื่นชมประเทศไทย และเชื่อว่าไทยจะพัฒนาก้าวหน้าไปได้อย่างดี
ในช่วงค่ำของวันที่ 20 พฤศจิกายน เอกอัครราชทูตฯ และคณะได้ร่วมชมการแสดงทางวัฒนธรรมของนักศึกษาต่างชาติที่อยู่ในมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ซึ่งมีจำนวนพันกว่าคนจากหลายประเทศ อาทิ ไทย อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม ฝรั่งเศส โซมาเลีย กาบอง และลาว เป็นต้น การแสดงของนักศึกษามีหลากหลายและน่าสนใจ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการฝึกซ้อม และความสามัคคีในการอยู่ร่วมกัน
ก่อนเดินทางกลับกรุงปักกิ่งในวันที่ 21 พฤศจิกายน เอกอัครราชทูตฯ ยังได้พบกับกลุ่มนักศึกษาไทยในนครอู่ฮั่น โดยมีจำนวนนักศึกษาในนครอู่ฮั่นทั้งหมดประมาณ 60 กว่าคน ในโอกาสดังกล่าว เอกอัครราชทูตได้เล่าให้ฟังถึงสถานการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นในไทย เช่น ภาวะอุทกภัย ความสัมพันธ์ไทย-จีนในด้านต่างๆ และสอบถามถึงสภาพความเป็นอยู่ของนักศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ต้องปรับตัวกับสภาพอากาศและการเรียนภาษาจีน โดยนักศึกษาได้ขอทราบเกี่ยวกับช่องทางการขอรับการสนับสนุนในด้านต่างๆ จากสถานเอกอัครราชทูต และการประสานงานกับชมรมนักเรียนไทยในมณฑลอื่นๆ ในจีน นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังได้ให้โอวาทไว้ 3 ข้อหลัก ได้แก่ (1) ขอให้รักและกลมเกลียวกัน (2) ขอให้เป็นคนดี และ (3) ขอให้ตั้งใจเรียน