เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2555 นายวิบูลย์ คูสกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ได้ร่วมและกล่าวในงาน Siam Commercial Bank Sino-Thai Investment Night Gala Dinner รายละเอียด ดังนี้
คำกล่าวสำหรับ
Siam Commercial Bank Sino-Thai Investment Night Gala Dinner
วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2555
*********
ท่านผู้มีเกียรติ
ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบกับทุกท่านในวันนี้
ความสัมพันธ์ไทย-จีนมีความแน่นแฟ้น อยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจและความเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ดังคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” สามารถสะท้อนได้จากการเยือนระดับสูงที่มีอย่างสม่ำเสมอ อาทิ
– การเยือนไทยของรองประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เมื่อ ธ.ค. 2011
– การเยือนจีนของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ เม.ย. 2012
– การเยือนไทยของรองนายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า เมื่อ พ.ย. 2012
นอกจากนั้น ในพระราชวงศ์ของไทยก็มีการเยือนจีนอย่างสม่ำเสมอ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ เยือนจีนอย่างต่อเนื่องทุกปี เป็นเวลา 33 ปีแล้ว มีโครงการความร่วมมือกับจีนและในจีนหลายด้านเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนสองประเทศ เมื่อปี 2011 ได้รับการคัดเลือกจากประชาชนจีนให้เป็น 1 ใน 10 มิตรที่ดีที่สุดในโลกของชาวจีน (และเป็นเพียงคนเดียวที่มีชีวิตอยู่) ซึ่งสถานีวิทยุซีอาร์ไอ ร่วมกับสมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งประชาชนจีน และกรมผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศแห่งประเทศจีนได้ร่วมกันจัดขึ้น
ศ. ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งขณะนี้ประทับอยู่ ณ กรุงปักกิ่ง ก็เสด็จเยือนจีนอย่างสม่ำเสมอทุกปี ทรงมีความสนพระทัยในดนตรีกู่เจิง ในเดือน ธ.ค. ปีหน้า (2013) มีกำหนดทรงกู่เจิงในงานคอนเสิร์ตสายสัมพันธ์สองแผ่นดินครั้งที่ 6 ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจีน
ความแนบแน่นและการไปมาหาสู่ของประชาชนสองประเทศเป็นหลักฐานอีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนความชอบพอและเข้าใจอันดีของประชาชนสองประเทศ จากตัวเลขการท่องเที่ยว พบว่าปี 2012 ได้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปท่องเที่ยวไทยแล้วกว่า 2.2 ล้านคน เทียบกับปีก่อนที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.7 ล้านคน นอกจากนั้น เมื่อต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดศูนย์วัฒนธรรมจีนในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนสองประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดำเนินไปด้วยดีแนบแน่น ประชาชนไปมาหาสู่เข้าใจกันดี โอกาสทางเศรษฐกิจในด้านการค้าการลงทุนก็เปิดกว้าง ในปี 2011 ยอดการค้าไทย-จีนมีมูลค่า 64.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากปีก่อน และได้ตั้งเป้าขยายตัวร้อนละ 20 ต่อปี และได้ตั้งเป้าการค้าแสนล้านดอลลาร์ สรอ. ภายใน 5 ปี
ในด้านการลงทุน การลงทุนสะสมของจีนในไทย (ปี 2005-2011) มีมูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะเดียวกันการลงุทนสะสมของไทยในจีนมีมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาผมได้นำนักลงทุนและสื่อมวลชนชาวจีนเดือนทางเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เส้นทางคมนาคมที่เชื่อมไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ตะวันออก-ตะวันตก แม้กระทั่งเชื่อมต่อขึ้นมาถึงตอนใต้ของประเทศจีน ทำให้ไม่เกินจริงเลยหากจะกล่าวว่าไทยเป็นหัวใจของอาเซียน จากไทยสามารถกระจายเข้าทุกประเทศในอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตร อาทิ ยางพารา น้ำตาล หรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งพลาสติก ยานยนต์ อิเล็คทรอนิกส์ ตลอดจนภาคบริการ โรงพยาบาล โรงแรม ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ล้วนมีชื่อของไทยเป็นผู้ผลิตที่มีศักยภาพ
เพื่อรองรับและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าการลงทุนที่ขยายตัวอย่างน่าทึ่ง ผมในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ มีความภูมิใจที่จะกล่าวว่าทีมของเราในจีนเป็นทีมที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุดในโลก นอกจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่งแล้ว ยังมีสถานกงสุลใหญ่อีก 8 แห่ง (เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว คุนหมิง หนานหนิง เฉิงตู ซีอาน เซียเหมิน และฮ่องกง) ทำหน้าที่เป็นน้ำมันช่วยขับเคลื่อนกลไลความสัมพัน์ในทุกด้าน นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีแผนเปิดสถานกงสุลใหญ่เพิ่มอีก 2 แห่งที่เสิ่นหยาง และชิงเต่า
สำหรับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เรามีทีมเศรษฐกิจที่ครบถ้วนเต็มรูปแบบ ผมขอให้โอกาสนี้ในการแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก ได้แก่
– อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
– อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายส่งเสริมการลงทุน คุณอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์
นอกจากนั้น ยังมีอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว และธนาคารแห่งประเทศไทยก็เห็นถึงความสำคัญและได้เปิดสำนักงานผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นเมื่อเดือน เม.ย. 2555 ที่ผ่านมา
ผมเข้าใจดีว่าปัจจัยสำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนมีความห่วงกังวล คือ ‘เสถียรภาพ’ ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจขอเรียนว่า สถานการณ์การเมืองไทยปัจจุบันมีความมั่นคงในระดับที่น่าพอใจ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาให้ดีจะพบว่าในอดีตแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น แต่นโยบายการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจก็มีความต่อเนื่องมาโดยตลอด
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จากที่เราได้พบและแลกเปลี่ยนความเห็นกันในวันนี้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับท่านทั้งหลายในการค้าการลงทุนกับประเทศไทย และขอฝากธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นธนาคารแห่งแรกของไทยให้สามารถขยายสาขามาให้บริการที่ประเทศไทยจีนด้วย ขอบคุณครับ