ปลัดกระทรวงการต่างประเทศพบหารือกับเอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนและกงสุลใหญ่ทุกแห่งในจีน และผู้แทนคณะกรรมการบริหารทีมประเทศไทย ประจำกรุงปักกิ่ง

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศพบหารือกับเอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนและกงสุลใหญ่ทุกแห่งในจีน และผู้แทนคณะกรรมการบริหารทีมประเทศไทย ประจำกรุงปักกิ่ง

             เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2557 เวลา 18.30-21.00 น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฎิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือระหว่างรับประทานอาหารค่ำ (working dinner) กับเอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนและกงสุลใหญ่ทุกแห่งในจีน รวมทั้งผู้แทนคณะกรรมการบริหารทีมประเทศไทย ประจำกรุงปักกิ่ง ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้เยือนกรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2557 เพื่อเข้าร่วมการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน ครั้งที่ 2 (The 2nd China – Thailand Strategic Dialogue) ได้กล่าวถึงการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน การดำเนินการตามแผน 3 ขั้นตอน (roadmap) ในการขับเคลื่อนประเทศไทย ตลอดจนการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการทำความเข้าใจกับต่างประเทศต่อการดำเนินการต่างๆ ของ คสช.

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน ครั้งที่ 2 โดยมีนายหลิว เจิ้นหมิน (Liu Zhenmin) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเป็นประธานร่วมกับปลัดกระทรวงฯ ในการประชุมดังกล่าว การหารือทวิภาคีกับนายหวัง อี้ (Wang Yi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน และการเข้าเยี่ยมคารวะกับนายหยาง เจี๋ยฉือ (Yang Jiechi) มนตรีแห่งรัฐ ดูแลด้านการต่างประเทศ โดยปลัดกระทรวงฯ ได้ขอบคุณจีนที่เข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ผ่านมา และได้ชี้แจงพัฒนาการทางการเมืองของไทย การเดินหน้าการปฏิรูปประเทศของ คสช. ตาม Roadmap 3 ขั้นตอน ในเรื่องนี้ ฝ่ายจีนได้แจ้งว่าจีนสนับสนุนแนวทางที่ไทยดำเนินอยู่ ความมั่นคงและเสถียรภาพของไทยมีความสำคัญต่อประชาชนชาวไทย อาเซียนและภูมิภาคโดยรวม

ปลัดกระทรวงฯ ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะร่วมมือกับฝ่ายจีนอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการพัฒนาความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น โดยเห็นควรจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 3 ในโอกาสแรก ไทยสนับสนุนให้จีนลงทุนในอุตสาหกรรม รวมทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินกับจีนในรูปเงินหยวนเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างไทยและจีน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการศึกษา รวมทั้งการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการค้ามนุษย์

ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 40 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีนในปี พ.ศ. 2558 โดยไทยได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาเป็นการเฉพาะเพื่อประสานการดำเนินกิจกรรมระหว่างกัน ฝ่ายจีนได้ย้ำคำเชิญพระราชวงศ์เสด็จเยือนจีนและได้เรียนเชิญ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เยือนจีนด้วย

จีนได้ขอให้ประเทศไทยสนับสนุนในการจัดตั้ง Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) เพื่อเป็นการเพิ่มแหล่งเงินทุนให้กับประเทศในเอเชียเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค ในประเด็นความสัมพันธ์อาเซียน-จีน จีนแสดงความขอบคุณไทยอย่างยิ่งในการทำหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-จีน โดยเฉพาะความคืบหน้าในกระบวนการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ ไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับจีนในการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับจีนให้แน่นแฟ้นและรอบด้าน ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนให้เร่งรัดการเจรจา Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) จีนประสงค์ให้มีการเริ่มเจรจายกระดับความร่วมมือเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับเอกอัครราชทูตฯ กงสุลใหญ่ และทีมประเทศไทยในประเด็นต่างๆ รวมถึงแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-จีน

ต่อมา เมื่อวันที่ 12 กรกฎคม 2557 เวลา 10.00-12.30 น. ปลัดกระทรวงฯ ได้เป็นประธานในการประชุมกับเอกอัครราชทูตฯ และกงสุลใหญ่ทุกแห่งในจีน ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ ปลัดกระทรวงฯ ได้หารือเกี่ยวกับกรอบวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์และแนวทางในการวางนโยบายและกำหนดทิศทางและเป้าหมายในการดำเนินงานของกระทรวงฯ รวมทั้งของสถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ต่าง ๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของไทยกับจีน ซึ่งในปัจจุบัน มีบทบาทสำคัญต่อการต่างประเทศของไทยมากขึ้น โดยเน้นผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และการเพิ่มมูลค่าของไทยในกรอบความสัมพันธ์ไทย-จีน ตลอดจนบทบาทของไทยในอาเซียนและภูมิภาค

ในการนี้ นายวิบูลย์ คูสกุล เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ในประเทศไทยในปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีความสำคัญสำหรับไทย ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันพัฒนาความร่วมมือด้านการเมืองพ้อมกัน ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ การส่งเสริม soft power ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยสร้างทัศนคติและความรู้สึกที่ดีแก่ประเทศไทย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีต่อความสัมพันธ์ และเป็นพันธกิจของสถานเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งไม่ถูกจำกัดโดยสถานการณ์การเมือง งานด้าน soft power จึงเป็นสิ่งที่ไทยควรส่งเสริมและมุ่งเน้นเป็นอย่างยิ่ง

ปลัดกระทรวงฯ และเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ ยังได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการวางแนวทางเพื่อส่งเสริมบทบาทและหน้าที่หลักของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นที่สำคัญ ซึ่งภายใต้การดำเนินการของ คสช. อาจเป็นโอกาสสำหรับกระทรวงการต่างประเทศที่จะพิจารณาปรับปรุง ได้แก่ การพิจารณาการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางระหว่างไทย-จีน การเปิดสถานกงสุลใหญ่ในประเทศจีน การเปิดสำนักงานของหน่วยงานไทยในประเทศจีน บทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของกระทรวงการต่างประเทศ การบูรณาการการดำเนินการระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับหน่วยงานอื่น และปรากฏการณ์ของสังคมจีน ได้แก่บทบาท netizens ที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 618 ล้านคน ซึ่งกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลจีน เพราะ netizens มีส่วนสำคัญในการกำหนดอนาคตของประเทศทั้งในด้านการเมืองและด้านเศรษฐกิจ เป็นต้น

SHARE

งานสงกรานต์ ณ กรุงปักกิ่ง ประจำปี 2567 เฉลิมฉลองในโอกาสที่ประเพณีสงกรานต์ได้รับการขึ้นทะเบียน โดยองค์กร UNESCO เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ